แฉนโยบายศธ.ต้นเหตุการศึกษาไทยตกต่ำ! พบแล้ว! ตัวการใหญ่รับจ้างเขียนผลงานเลื่อนวิทยฐานะครู (ตอนที่2)

researcherthailand

แฉนโยบายศธ.ต้นเหตุการศึกษาไทยตกต่ำ! พบแล้ว! ตัวการใหญ่รับจ้างเขียนผลงานเลื่อนวิทยฐานะครู (ตอนที่2)

      เปิดขบวนการ หากิน ในการเลื่อนวิทยฐานะวงการครู ชี้ ข้าราชการเขตการศึกษา-อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ตัวการใหญ่ รับทรัพย์อื้อ สนนราคาอยู่ที่ 6 หมื่น-1 แสนบาท หากการันตีผลงานผ่าน 100% ต้องจ่าย 2-3 แสนบาท วงในระบุ ครูดีดตัวเลขสุดคุ้ม เพราะจ่ายค่าจ้างจิ๊บๆ แต่ได้เงินตอบแทนจนเกษียณหลายล้านบาท ส่วนครูดี ครูเก่ง 4 สาขา คณิต-วิทย์-อังกฤษ-สังคม โรงเรียนดังใน กทม.สุดทน ยื่นผลงานชนิดทำเองไม่ผ่าน ท้อแท้ขอเออร์ลีรีไทร์ หนีครูไม่เก่งแต่ได้เงินเพิ่ม!
      ‘Special Scoop’ นำเสนอข่าว แฉนโยบาย ศธ.ต้นเหตุการศึกษาไทยตกต่ำ! ครูอยากเติบโตเลื่อนวิทยฐานะ ‘จ่าย 2 เด้ง’ (ตอนที่ 1) ผ่านไปแล้ว และครั้งนี้จะนำเสนอตอนที่ 2 ชี้ให้เห็น ‘คนใน’ ตัวการใหญ่ ช่วยให้ผลงานวิชาการเพื่อเลื่อนวิทยฐานะผ่านฉลุย
      ปัจจุบันแม้รัฐมนตรีศึกษาธิการ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา จะออกมาขู่ฮึ่มๆ กับการรับจ้างทำสารนิพนธ์ วิทยานิพนธ์ของคนระดับอุดมศึกษาแล้ว ต้องบอกว่าปัญหาที่น่าห่วงของระบบการศึกษาไทยไม่ใช่มีแค่นั้น โดยเฉพาะกรณีของการเลื่อนวิทยฐานะของครู ที่จะเริ่มจากการขอเป็นครูผู้ชำนาญการ ครูผู้ชำนาญการพิเศษ ครูผู้เชี่ยวชาญ และครูผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ในแผนการปฏิรูปการศึกษายก 2 ที่มุ่งหวังพัฒนา ตัวครู และหวังว่าจุดนี้จะนำไปสู่การพัฒนาการเรียนการสอน และระบบการศึกษาของไทยให้ดีขึ้น
      ปรากฏว่าไม่เพียงแต่วงการการเรียนในระดับอุดมศึกษาเท่านั้น ที่มีกระบวนการ หากิน ของคนบางกลุ่มเพื่อให้ ครู ที่ส่วนหนึ่งทำงานวิจัยไม่เป็น เพียงแค่มีเงินก้อนใหญ่ ก็สามารถที่จะเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการ หรือที่เรียกว่าค่าวิทยฐานะนี้ได้แบบง่ายๆ
      ไม่ต้องตั้งคำถามถึง คุณภาพของระบบการศึกษาไทย ว่าจะดีขึ้นแค่ไหน เพราะแท้จริงแล้ว นโยบายการพัฒนา ตัวครู นี้ ทั้งๆ ที่ความตั้งใจในการกำหนดนโยบายดี แต่สุดท้ายช่องโหว่ที่มีอยู่จำนวนมาก ก็ทำให้นโยบายนี้มีผลดีเพียงช่วยให้ครูมีเงินเดือนเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่ระบบการศึกษาไทยไม่ได้พัฒนาขึ้นจริง และที่สำคัญ เด็กไทยยังเรียนเหมือนเดิมเป๊ะ!
      4 ขั้นวิทยฐานะครู
      สำหรับการเลื่อนวิทยฐานะครูนั้น จะมีกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่กระทรวงศึกษาธิการได้วางไว้ เริ่มต้นจากการเป็นครูผู้ช่วย 2 ปี แล้วจะได้เลื่อนเป็น ครู หลังจากนั้นจะเริ่มนับเวลาการดำรงตำแหน่งครู เมื่อเป็นครูไปได้ 6 ปี สำหรับคนที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี, 4 ปีสำหรับคนที่จบการศึกษาระดับปริญญาโท และ 2 ปีสำหรับคนที่จบการศึกษาระดับปริญญาเอกที่จะสามารถขอทำการเลื่อนวิทยฐานะไปเป็นครูระดับชำนาญการได้
      จากนั้นเมื่อระยะเวลาในการทำงานครบ 1 ปี จึงสามารถขอเลื่อนวิทยฐานะไปเป็นครูชำนาญการพิเศษ และมีระยะเวลาการทำงานครบ 3 ปีก็จะสามารถยื่นขอเลื่อนวิทยฐานะเป็นครูเชี่ยวชาญได้ และทำงานไป 2 ปีก็จะมีสิทธิในการเลื่อนฐานะเป็นครูเชี่ยวชาญพิเศษ
      โดยที่ผ่านมาพบว่าครูส่วนใหญ่ได้ทำการเลื่อนวิทยฐานะไปเป็นครูชำนาญการ ซึ่งไม่ยาก ไม่ต้องมีผลงานประกอบ จึงเป็นขั้นที่มีการเลื่อนได้ง่ายที่สุด
      หลังจากนั้นก็จะมีการขอเลื่อนวิทยฐานะในตำแหน่งครูชำนาญการพิเศษ ซึ่งครูมีความต้องการที่จะอยู่ในวิทยฐานะนี้มากที่สุด สาเหตุคือหากได้เลื่อนวิทยฐานะเป็นครูชำนาญการ แม้จะง่าย แต่ก็จะได้เงินเพิ่มขึ้นจากเงินเดือนอีกเดือนละ 3,500 บาท
      แต่ถ้าได้เลื่อนขั้นไปอยู่ในตำแหน่ง ครูชำนาญการพิเศษ จะได้เงินเดือนที่เพิ่มขึ้นอีกถึงประมาณเดือนละ 12,000 บาท
      เหตุนี้ทำให้ ครู บางคนพยายามวิ่งเต้น ทำทุกอย่างเพื่อให้การเลื่อนวิทยฐานะไปอยู่ในระดับชำนาญการพิเศษนี้
      สมมติว่าอายุราชการยังเหลืออีก 20-30 ปี เงินที่เพิ่มขึ้นเดือนละ 12,000 บาทยันเกษียณอายุราชการ นับว่าเป็นเงินจำนวนไม่น้อย
      เงินเพิ่มเดือนละ12,000 ถ้ายังเหลืออายุราชการ 20 ปีจะได้เงินเพิ่ม 12,000x12x20 ซึ่งเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้น 2,880,000 บาท แต่ถ้า 30 ปีจะได้ 12,000x12x30 เท่ากับได้เงินเพิ่มขึ้น 4 ,320,000 บาท
      แถมในขั้นของการทำผลงานในระดับการเลื่อนจากครูชำนาญการ เป็นครูชำนาญการพิเศษ ยังไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปนัก เหมือนกับการเลื่อนวิทยฐานะไปเป็นครูเชี่ยวชาญ และครูเชี่ยวชาญพิเศษ ที่จะต้องมีการทำงานวิจัยประหนึ่งการทำวิทยานิพนธ์ ซึ่งยาก มาตรฐานสูง
      แต่ใช่ว่าครูเหล่านี้จะสามารถทำผลงานวิชาการเพื่อยื่นเสนอขอเลื่อนวิทยฐานะตามเงื่อนไขที่กำหนดได้ทุกคน
      ตรงนี้จึงเป็นช่องโหว่ให้เกิดขบวนการทุจริตของบรรดาครูทั่วประเทศ!
      ที่สำคัญทำให้เกิดอาชีพรับจ้างทำวิทยานิพนธ์ และการเขียนผลงานวิชาการ รวมไปถึงกระบวนการรีดไถของคณะกรรมการตรวจงานฯ โดยที่ครูเหล่านี้หาได้มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้นจากการทำผลงานวิชาการแต่อย่างใด
      รับจ้างทำผลงานครู คนใน เอี่ยว
      ทีม Special Scoop ได้ทำการสืบค้นหาแหล่งว่าจ้างทำผลงานวิชาการของ ครู แต่พบว่าส่วนใหญ่ที่ประกาศแพร่หลายในอินเทอร์เน็ตจะเป็นการประกาศรับจ้างทำงานวิชาการในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกเป็นหลัก
      ส่วนการรับจ้างเพื่อช่วยเหลือ ครู ในการเลื่อนวิทยฐานะนั้น หาได้น้อย และแทบไม่มีปรากฏ
      ด้านแหล่งข่าวประธานคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาระดับเขตพื้นที่การศึกษาในภาคอีสาน ซึ่งได้ทำงานในส่วนของการพยายามตรวจจับขบวนการ รับจ้าง ทำผลงานวิชาการ ร่วมกับเครือข่ายมานาน ระบุว่าจากการติดตามพบว่าขบวนการรับจ้างช่วยครูในการเลื่อนวิทยฐานะได้นั้นจะไม่ประกาศตัวอย่างแพร่หลาย แต่จะเป็นที่รู้กันในแวดวงครู
      พวกเขารู้กันเองว่าจะว่าจ้างใครซึ่งเป็นข้าราชการครู (เขตการศึกษา) เองที่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้
      สำหรับหลักการและขั้นตอนในการทำผลงานวิชาการนั้นจะเริ่มจากเมื่อครูมีระยะเวลาการทำงานและเงินเดือนถึงระดับที่จะสามารถเลื่อนวิทยฐานะได้นั้น ครูจะต้องไปทำเรื่องขอเลื่อนวิทยฐานะ ซึ่งในขั้นตอนนี้ครูจะต้องคิด และเลือกว่าจะทำผลงานในกลุ่มสาระการเรียนรู้ด้านไหน และต้องระบุไปในขั้นตอนนี้ เช่น จะทำผลงานด้านการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ
      จากนั้นจะมีคนในราชการระดับเขตนี้แหละ ที่จะติดต่อกับครูที่ต้องการเลื่อนวิทยฐานะเหล่านั้น ว่าจะช่วยให้ผลงานผ่านได้แน่ๆ และผ่านไปได้อย่างง่ายๆ แต่ก็ใช่ว่าครูทุกคนจะจ้างทำผลงานทั้งหมด เพราะมีครูจำนวนไม่น้อยที่อยากทำผลงานเองจากการประเมินเบื้องต้นอยู่ที่สัดส่วน 50-50%
      โดยขบวนการ หากิน นี้จะเริ่มจาก ผู้รับจ้างจะนำผลงานที่เคยทำมา มาให้ครูคนนั้นๆ นำไปเปลี่ยนหัวข้อ หรือปรับเปลี่ยนเนื้อหาในผลงานที่เคยผ่านการพิจารณาไปแล้วนำไปทำ เพราะว่าเป็นการสร้างผลงานที่ง่ายที่สุด
      จากนั้น คนในราชการระดับเขต ก็จะทำตัวเป็นผู้ประสานงานทุกอย่างเพื่อช่วยครู โดยเฉพาะในการคัดเลือกคนที่อยู่ในระดับอาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ มาเป็นผู้ อ่านผลงาน
      จะผ่านหรือไม่ผ่าน อยู่ในขั้นตอนนี้!
      ดังนั้นในการคัดเลือกอาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ มาอ่านผลงานในเขตนั้นๆ ก็จะมีการประสานเพื่อให้อาจารย์นั้นเข้าสู่กระบวนการนี้ด้วย และหากได้อาจารย์ที่ไม่ค่อยมีจรรยาบรรณ ยินยอมเข้าร่วมกระบวนการ ก็จะมีการมาติดต่อครูคนนั้นๆ อีกทีว่าคัดเลือกอาจารย์ได้แล้ว ผ่านแน่นอน
      แต่จะผ่านแบบไหน?
      จะผ่านโดยไม่ต้องมีการอ่านผลงานเลย หรือต้องการผ่านโดยการให้อาจารย์เหล่านั้นมีการแนะนำก่อนว่าผลงานนั้นๆ ต้องปรับแก้ตรงไหน ก่อนถึงวัน อ่าน
      ในขั้นตอนนี้ ผู้ประสานงานที่เป็นข้าราชการก็จะมีการประสาน และบางครั้งมีการเปิดโรงแรมเพื่อนัดพบเป็นพิเศษระหว่างครูผู้ขอเลื่อนวิทยฐานะกับอาจารย์ผู้ที่จะอ่านผลงาน เพื่ออ่านผลงานก่อนนำเสนอ และเมื่อถึงวันนำเสนอผลงานก็จะให้ผ่านได้ง่ายๆ
      สิ่งนี้คือสิ่งที่ต้องเลือก เพราะสนนราคาทั้ง 2 แบบไม่เท่ากัน
      หากต้องการให้การอ่านผลงานผ่านเลย สนนราคาอยู่ที่ฉบับละ 60,000-100,000 บาท
      แต่หากเลือกแบบมีการปรับแก้ก่อนวันตรวจ สนนราคาอยู่ที่ระดับ 30,000-35,000 บาท
      สำหรับขบวนการหากินนี้ มีมากที่สุดในภาคอีสาน!
      แหล่งข่าวประธานคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาระดับเขตพื้นที่การศึกษา (อ.ค.ก.ศ.) กล่าวว่า ขบวนการหากินแบบนี้เกิดมากที่สุดในภาคอีสาน เพราะมีโอกาสได้ครูชำนาญการมากถึง 80% ของครูที่ทำการขอเลื่อนวิทยฐานะ ขณะที่ภาคอื่นๆ มีน้อยกว่า ได้แก่ภาคกลางมีประมาณ 30% ภาคเหนือประมาณ 30% และภาคใต้มีประมาณ 20% ซึ่งน้อยที่สุด
      หากจะถามว่าการตรวจจับเป็นการแก้ปัญหาไหม ตอบได้เลยว่า ถ้ากระทรวงศึกษาธิการยังใช้เกณฑ์การวัดผลโดยดูจากเอกสาร ก็จะเกิดขบวนการรับจ้างอย่างนี้ต่อไป
      สิ่งที่เป็นทางออกในเรื่องนี้คือ กระทรวงศึกษาธิการ ต้องทบทวนแล้วว่า การเลื่อนวิทยฐานะครูแบบนี้เป็นประโยชน์จริงหรือไม่ ถ้าไม่ ก็ควรจะยกเลิกไปเสีย แล้วตั้งเกณฑ์การประเมินครูแบบใหม่ โดยเน้นประสิทธิผลที่เกิดขึ้นกับตัวนักเรียนเป็นหลัก
      รับประกันผ่าน 100% จ่าย 3 แสน
      ส่วนในเขตภาคกลางและกรุงเทพมหานคร แหล่งข่าวผู้แทนครูใน ค.ก.ศ. (คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา) ในกรุงเทพมหานคร บอกว่า ขบวนการการทำผลงานทางวิชาการนั้นเกิดขึ้นจริง เนื่องจากต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ครูมี 2 ส่วน คือ ครูคนที่มีความสามารถไปถึงมาตรฐานที่กระทรวงศึกษาธิการวางไว้ ก็จะสามารถทำผลงานในการเลื่อนวิทยฐานะได้ และมีการนำผลงานมาพัฒนานักเรียนที่ได้ผลดี ซึ่งตรงตามเป้าหมายของการเลื่อนวิทยฐานะ
      แต่ก็มีครูอีกส่วนหนึ่ง คือครูที่ไม่มีความสามารถ แต่มีเงิน ประกอบกับมีอลัชชีทางการศึกษา ที่อยู่ในวงการการศึกษา แต่ต้องการเงิน ก็จะเข้ามารับจ้างในการทำผลงานวิทยฐานะตรงนี้
      เป็นไปตามหลักดีมานด์ ซัปพลาย คือ เมื่อมีผู้เสนอ ก็ต้องมีผู้สนอง
      ขณะเดียวกัน ขบวนการหากินในภาคกลาง จะเหมือนในภาคอีสานคือ จะมีคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีที่เป็นข้าราชการ (ครู) ที่อยู่ในเขตการศึกษานั่นเอง เป็นคนจัดการประสานผลประโยชน์ทั้งหมด โดยเฉพาะระหว่างครู และอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งบอกได้ว่า อาจารย์ในมหาวิทยาลัยต่างๆ นั้น มีจำนวนไม่น้อยที่ต้องการได้เงินอย่างไม่ถูกต้องที่เกิดในขบวนการนี้ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิที่ไม่ดีนั้น จะอ่านผลงานครูที่ไม่ได้เข้าสู่การซื้อวิทยฐานะด้วยการอ่านผลงานแล้วไม่ให้ผ่าน
      สำหรับวิธีการซื้อผลงานเพื่อเลื่อนวิทยฐานะจะมี 2 ระดับคือ
      ระดับแรก คือจะจ้างให้จัดทำทั้งหมด โดยนายหน้าที่เป็นข้าราชการครู (ในเขตการศึกษา) จะไปติดต่อให้อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ มีการจัดทำผลงานทั้งหมดให้ ทั้งผลงานด้านนวัตกรรม รายงานวิชาการ และผลงานปฏิบัติงาน รวม 3-5 เล่ม แต่จะได้หรือไม่ได้ไม่รู้ สนนราคาในส่วนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 70,000-100,000 บาท
      ระดับที่สอง ถ้าอยากให้ ผ่านแน่นอน จะต้องมีการจ้างคนตรวจเพื่อให้อนุมัติผ่านแบบรับประกัน 100% ราคาการจ้างในส่วนนี้เมื่อรวมขั้นตอนแรกด้วยนั้นจะตกอยู่ที่ประมาณ 200,000-300,000 บาท
      ดังนั้นแม้ราคาค่าจ้างทำผลงานวิชาการจะสูงมาก แต่ก็คุ้มค่าที่เสียไปมาก!
      ครูที่ทำงานมานานๆ เงินเดือนก็อยู่ที่ 37,000 บาท ถ้าได้เลื่อนวิทยฐานะเป็นครูชำนาญการพิเศษก็จะได้เงินเดือนเพิ่ม และยังได้เงินค่าวิทยฐานะเพิ่มอีก 12,000 บาทต่อเดือน แต่หากเลื่อนขั้นอีกเป็นครูเชี่ยวชาญ ก็จะได้เงินค่าวิทยฐานะเพิ่มอีก 19,600 บาท
      หากย้อนมาดูตัวเลขของการตกเบิกประกอบ ก็จะเห็นได้ชัดว่า ถ้าครูคนหนึ่งลงทุนจ้างทำผลงานไป 2 แสนบาท ยังไงก็คุ้ม เพราะแค่การตกเบิกยังได้แล้วสูงสุดถึง 3 แสนบาท
      แหล่งข่าวย้ำว่าเมื่อได้เงินเพิ่ม แถมได้ค่าวิทยฐานะเพิ่ม แต่การศึกษาแย่ลงจึงกลายเป็นประเด็นปัญหาที่ใหญ่มาก เพราะผลที่ตามมาคือ ครูดีๆ เริ่มท้อแท้
      แฉครูดี 4 สาขาสุดช้ำ ลาออกอื้อ!
      แหล่งข่าวกล่าวว่า ครูที่อยู่ในกรุงเทพมหานค

You might also enjoy

ทำไมเราถึงต้องทำเล่มวิจัยจบ🤔?
ทำไมเราถึงต้องทำเล่มวิจัยจบ🤔?

1️⃣ทำให้เกิดความรู้ใหม่ ทั้งในด้านทฤษฎีและการปฏิบัติ 2️⃣ทำให้เข้าใจในปรากฏการณ์และพฤติกรรมต่าง ๆ ได้ดีขึ้น 3️⃣ช่วยวางแผนการดำเนินงานและนโยบายได้อย่างเหมาะสม 4️⃣ทำให้ทราบข้อเท็จจริง และนำไปสู่การแก้ปัญหาและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น 5️⃣ช่วยกระตุ้นการตั้งข้อสังเกต ความมีเหตุผล

โครงร่างวิจัยคืออะไร?
โครงร่างวิจัยคืออะไร ?

โครงร่างวิจัย คือ สิ่งที่ผู้ที่ได้อ่านโครงร่างจะสามารถทราบขั้นตอนและรายละเอียดของเล่มวิจัย รวมถึงใช้โครงร่างวิจัยเพื่อเป็นเครื่องมือในการพิจารณาอนุมัติการทำวิจัย โดยจะต้องเป็นสิ่งที่ผู้พิจารณาอนุมัติเชื่อว่าวิจัยเล่มดังกล่าวเป็นวิจัยที่มีระเบียบวิจัยที่ดี มีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จ เป็นประโยชน์ และสมควรได้รับการอนุมัติ โดยจะประกอบไปด้วย 1.)

วิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)✏️
วิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)✏️

เป็นวิธีค้นหาความจริงจากเหตุการณ์และสภาพแวดล้อมที่มีอยู่ตามความเป็นจริง โดยวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของเหตุการณ์กับสภาพแวดล้อมจากภาพรวมของหลายมิติ ผู้ทำวิจัยต้องลงไปศึกษาและสังเกต กลุ่มหรือบุคคลที่ต้องการศึกษาโดยละเอียดในทุกด้านแบบเจาะลึก ใช้วิธีสังเกตแบบการมีส่วนร่วมและสัมภาษณ์ เก็บรวมรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลเชิงเชิงเหตุผลไม่ใช่ทางตัวเลข ———————————— 📖รีเสิร์ซเชอร์ เพื่อนคู่คิดงานวิจัย💡

Tag : การทำ is จ้างทำ is จ้างทำวิจัย จ้างทำวิทยานิพนธ์ จ้างทํางานวิจัย จ้างทําวิจัย ป.ตรี ราคา จ้างทําวิจัยราคา จ้างทําวิจัยราคาประหยัด จ้างทําวิจัย ราคาเท่าไหร่ จ้างทําวิทยานิพนธ์ จ้างทําวิทยานิพนธ์ราคา จ้างวิจัย ทําวิทยานิพนธ์ ทำงานวิจัย ทำงานวิทยานิพนธ์ บริการรับทำวิจัย รับจัดหน้าวิทยานิพนธ์ รับจ้างทำ is รับจ้างทํางานวิจัย ราคาถูก รับจ้างทํารายงาน รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ ราคาถูก รับจ้างเขียนรายงาน รับทำ is รับทำ powerpoint รับทำ spss รับทำ thesis รับทำดุษฎีนิพนธ์ รับทำวิจัย รับทำวิจัยราคาถูก รับทำวิทยานิพนธ์ รับทำสารนิพนธ์ รับทำแบบสอบถาม รับทำโปรเจคจบ รับทํา thesis รับทํางานวิจัย รับทําปริญญานิพนธ์ รับทํารายงาน รับทําวิจัย ป.ตรี รับทําวิทยานิพนธ์ รับทําวิทยานิพนธ์ ป.โท รับทําวิทยานิพนธ์ ราคา รับทําวิทยานิพนธ์ราคาเท่าไหร่ รับทํา สารนิพนธ์ รับแปลงานวิจัย ราคารับทำวิทยานิพนธ์ วิจัย